กะว่าจะใช้งาน X-A3 สักสัปดาห์ค่อยรีวิว แต่รู้สึกยังไม่เต็มอิ่ม ก็เลยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ก็พร้อมแล้ว พร้อมที่จะบอกว่ากล้องตัวมันเป็นอย่างไร มันเหมาะกับใคร
ผมจะไม่บอกว่ามันดีไม่ดี อยากให้คิดว่า “เหมาะ” กับคุณหรือป่าว แบบนี้จะดีกว่า กล้องรุ่นไหนมันก็มีดีทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกกล้องที่จะเหมาะกับคุณ
X-A3 ก็เช่นกัน ตามที่จั่วหัวไว้ ผมว่าเหมาะกับสายชิลมากกว่า เอามาถ่ายรูปเล่นสนุกเลยตัวนี้ ใช้ง่าย แต่ถ้าอยากเป็นช่างภาพ อยากหัดถ่ายภาพจริงจัง ..X-A3 ก็ทำได้ แต่ไม่ค่อยเหมาะ
สเปคอย่างละเอียด ดูที่นี่ดีกว่า > สเปค Fujifilm X-A3
..ต่อไปนี้จะเน้นประสบการณ์ใช้งานกล้อง..
การซื้อกล้อง
ราคากล้องอยู่ที่ 23,990 บาท แต่เวลาซื้อจริงจะได้จ่ายมากกว่านี้นิดหน่อย เช่น ค่าอุปกรณ์เสริมต่างๆ
สิ่งที่จำเป็นต้องซื้อก่อน คือ “ฟิลเตอร์ป้องกันหน้าเลนส์” มีหลายราคา งบน้อยอันละ 4-5 ร้อยก็มีให้เลือก ถ้ามีงบมากหน่อยจัดอันละพันไปเลย
รองลงมาเป็นผ้าเช็ดเลนส์ และตัวบีบเป่าฝุ่น ถ้ามีเงินพออยากให้มาด้วย สองอย่างนี้รวมๆกัน 500 บาท
เกือบลืม ! บางร้านไม่มีของแถม ให้หากระเป๋ากล้องไปด้วย หรือไปซื้อที่ร้านก็ได้ อันนี้จำเป็นอย่างยิ่ง
การออกแบบ
รู้สึกเป็นกล้องที่สวยถูกใจมาก การออกแบบดูเรียบทันสมัย ดูปราณีตกว่า X-A2 และกล้องหลายๆรุ่นของฟูจิ
มีปุ่มเปิดแฟลชอยู่ด้านข้าง และโยกหัวแฟลชได้
จุดที่ต่างจาก X-A2 อีกอย่างคือพับจอได้ 180 องศา (แบบกล้องรุ่นอื่นๆเขาทำกัน)
ส่วนคุณภาพงานประกอบของกล้องคงต้องดูกันยาวๆ แต่ ณ ตอนนี้รู้สึกว่า ไม่ได้ดีไปกว่า X-A2 เท่าไหร่ แม้แต่ยางหุ้มกล้องนี่ยังไม่รู้ว่าจะอยู่รอดได้ถึงปีหรือป่าวก็ไม่รู้
แบตและการ์ดอยู่ด้านล่างของเครื่อง ถ้าเป็นมือโปรอาจจะไม่ชอบ เพราะเวลาจะเปลี่ยนการ์ดต้องถอดที่เสียบขาตั้งกล้องออกก่อน
แต่ก็อย่างว่า X-A3 มันเหมาะกับห้อยคอมากกว่าที่จะแบกไปพร้อมๆกับขาตั้งกล้อง ประเด็นนี้คงไม่ใช่ปัญหา
แฟลชปิดไม่สนิท ?
ตรงหัวแฟลชสามารถใช้นิ้วกดลงได้ เหมือนปิดไม่สนิท อันนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานใดๆ ..แต่รู้สึกมันไม่เนี๊ยบ
ใครที่รู้สึกว่ามันแย่ก็ไปเปลี่ยนเครื่องกันได้ (ภายใน 7 วัน) ของผมเมื่อเทียบกับเครื่องคนอื่นแล้วยังถือว่าดูใช้ได้อยู่ ก็เลยไม่ได้ไปเปลี่ยน
การชาร์จแบต
เขาจะมีเต้าเสียบแถมมาให้ ให้เสียบชาร์จกล้องกับปลั๊กไฟได้เลย
อย่าเอาที่ชาร์จมือถือมาใช้กับกล้อง แม้จะเสียบชาร์จได้ ผมลองดูละ (อ่านในคู่มือ)
การจับถือ
ถ้าใช้แต่มือถือถ่ายรูปแล้วขยับมาใช้ X-A3 จะรู้สึกว่าใช้งานไม่ลำบาก ทัชหน้าจอแล้วถ่ายได้เหมือนกัน
รูปทรงกล้องค่อนข้างดูเป็นมิตร คือไปนั่งจิบกาแฟแล้วหยิบขึ้นมาถ่าย ความรู้สึกเหมือนๆหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ..เป็นมิตรกับ รปภ.ด้วย อย่างในห้างเขาไม่ให้ถ่ายภาพ แต่ถ้าหยิบ X-A3 มาเซลฟี่เขาไม่ว่าหรอก
หรือถ้าเป็นสายสตรีทกล้องแนวๆ นี้หยิบขึ้นมาถ่ายได้ตามสบาย มันไม่เป็นที่น่าสนใจเหมือนหยิบ DSLR ขึ้นมา
X-A3 ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนทั่วๆไปหรือนักท่องเทียว ไม่ใช่ช่างภาพ
ต่อไปนี้เป็น ภาพถ่ายจากกล้อง X-A3 ไม่ปรับแต่ง

เซ็นเซอร์ระดับ APS-C
X-A3 เป็นมากกว่ากล้องฟรุ้งฟริ้ง เพราะเซ็นเซอร์มันระดับ APS-C ใหญ่เทียบเท่า DSLR ของแคนนอนหรือนิก้อน
ดังนั้นจึงนำมาใช้งานในระดับมืออาชีพก็ยังได้ ขอแค่มีเลนส์ดีๆมาใส่เท่านั้นแหล่ะ ..แต่กล้องรุ่นนี้มีข้อจำกัดบางอย่าง ที่ทำให้มันเป็นกล้องสายชิลมากกว่าจะใช้งานแบบมืออาชีพ

ไม่มีช่องมองภาพ EVF
สิ่งที่ทำให้ X-A3 แตกต่างไปจากมิลเลอร์เลสรุ่นอื่นๆของฟูจิ หลักๆก็คือสิ่งนี้เอง ไม่มีช่องมองภาพแบบ EVF เวลาถ่ายในที่ที่มีแดดแรงๆ ในบางสถานการณ์ มันจะเห็นภาพที่ดูสว่างเกินไป
ถ้าถ่ายรูปเล่นๆเน้นเที่ยว หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีช่องมองภาพก็ไม่เป็นปัญหาหรอก
แต่ถ้าชอบถ่ายรูปคน ถ่ายแบบจริงจังอาจมีปัญหา เจอแดดแรงๆแล้วหน้าจอไม่แสดงผลตามสิ่งที่เห็น ..ส่วนตัวถ่ายพอร์ตเทรตบ่อยมาก ถึงรู้ว่าช่องมองภาพมันขาดไม่ได้จริงๆ

ความไวโฟกัส
รู้สึกว่าไม่เร็ว ไม่ช้า ปลานกลางๆ ดูตามสเปคมันก็เป็นแบบ TTL contrast AF เป็นการโฟกัสแบบหาจุดที่ชัดเจนของภาพ กล้องฟูจิรุ่นเก่าๆก็โฟกัสแบบนี้ และมี AF assist illuminator เป็นไฟช่วยโฟกัส(อยู่ด้านหน้ากล้อง)
ส่วนกล้องรุ่นพี่อย่าง X-T10 และระดับที่สูงกว่า โฟกัสเขาจะเป็นแบบ phase detection มีความรวดเร็วกว่า ถ่ายอะไรเร็วๆได้
ดังนั้นกล้อง X-A3 ไม่ค่อยเหมาะกับการเอามาถ่ายอะไรเร็วๆ เช่น ภาพกีฬา
จริงๆ X-A3 ก็ถ่ายได้แหล่ะ โหมดถ่ายภาพกีฬาก็มีมาให้ ถ้าใช้การ์ดดีๆก็จะถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 6 ภาพต่อวินาที ..เพียงแต่สู้กล้องอื่นไม่ได้เท่านั้นเอง

หน้าจอทัช
แต่สิ่งที่ทำให้ X-A3 โดดเด่น แตกต่างไปกล้องมิลเลอร์เลสทุกรุ่นของฟูจิคือ “โฟกัสแบบสัมผัส” ได้ จะโฟกัสจุดไหนนิ้วจิ้มเอาได้เลย
แต่หน้าจอสัมผัสมันจะทำได้แค่การโฟกัส กดเลื่อนดูรูป และซูมดูภาพถ่าย เวลากดดูเมนูต่างๆยังต้องใช้ปุ่มเหมือนเดิม

เลนส์คิท XC16-50mm
เลนส์ตัวนี้จัดว่าเป็นเลนส์ “เกรดธรรมดา” ของค่ายฟูจิ อีกตัวก็คือ XC50-230mm ส่วนเลนส์ที่เหลือของฟูจิจะเป็นเลนส์ “เกรดโปร” ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท ไม่มีถูกกว่านี้
ถึงจะเป็นเลนส์แถมธรรมดาๆ แต่ภาพที่ได้ไม่ได้แย่ คือมันช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดกว่ากล้องมือถือแน่นอน ถ่ายในที่มีแสงอาจแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่านี้เลนส์คิทถ่าย

เลนส์
X-A3 ใช้เมาท์เลนส์ X-Mount ทำให้ใช้เลนส์ร่วมกันกับกล้องฟูจิรุ่นอื่นๆได้เลย และไม่ต้องแปลงเลนส์ใดๆ เพราะใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C เหมือนกันทุกรุ่น

โหมดถ่ายภาพ
โหมดถ่ายภาพของ X-A3 จะเหมือนๆกับกล้องดิจิตอลยุคปัจจุบัน มีโหมด P S A M เข้าใช้แบบง่ายๆ ถ้าเล่นกล้องรุ่นอื่นแล้วย้ายมาใช้ฟูจิรุ่นนี้ จะเข้าใจโหมดการใช้ได้ไม่ยาก
ต่างกับกล้องรุ่นอื่นๆของฟูจิ เช่น X-E2, X-T10 โหมดควบคุมจะเป็นแบบแมนนวล เหมือนกล้องฟิล์ม ซึ่งวิธีควบคุมแบบนั้นจะบอกว่ายากก็ยาก จะบอกว่าง่ายก็ได้ แล้วแต่ความชอบ

โหมดออโต้
อยากถ่ายแบบง่ายๆก็ทำได้แค่ใช้โหมด SR เป็นโหมดที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เล็งกล้องแล้วลั่นชัตเตอร์ได้เลย แต่ถ้าอยากหัดปรับแต่งก็มีโหมด P ให้ใช้
เวลาถ่ายมาโคร ก็ไม่ต้องเปลี่ยนโหมด ถ้าใช้ SR ไม่ว่าจะถ่ายภาพอะไร กล้องมันจะคิดค่าต่างๆให้เอง

การถ่ายเซลฟี่
การถ่ายเซลฟี่ของกล้องฟูจิ ไม่ใช่ยกจอขึ้นแล้วจะถ่ายได้เลย ต้องดันจอขึ้นอีก
พอเข้าโหมดเซลฟี่แล้ว พอใช้งานโหมดหน้าเด้ง ก็จะปรับโทนผิวได้ 3 ระดับ

และถ้าใช้เลนส์แถม จะถ่ายเซลฟี่ได้สบายๆ ความกว้างเลนส์ 16mm ถ่ายหลายคนก็พอได้อยู่

จำลองฟิล์ม
กล้องฟูจิตัวนี้มีโหมดจำลองฟิล์มให้เลือกหลายแบบเลย ส่วนโทนสีที่หลายคนพูดถึงมากที่สุด และเป็นเอกลักษณ์ของฟูจิเลยก็คือ CLASSIC CHROME

แต่ในโหมด Adv. ก็มีฟิลเตอร์ที่น่าสนใจย่างเช่น ฟิลเตอร์โทนฟ้าเทา เอฟเฟคทอย เป็นต้น

หน้าชัดหลังเบลอ
ถ้าใช้เลนส์ที่แถมมากับกล้อง จะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้เฉพาะกับวัตถุเล็กๆ หรืออยู่ไกล้เลนส์ อย่างเช่น ดอกไม้ ต้นไม้ใบหญ้า ถ่ายแบบนี้ได้สบายๆ

ถ้าเอาเลนส์แถมมาถ่ายรูปคนจะเบลอฉากหลังได้ไม่มาก และฉากหลังกับตัวแบบต้องอยู่ห่างกันมากพอสมควร ฉากหลังถึงจะเบลอๆได้ (แบบภาพข้างบน)

แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้เลนส์ฟิก จะละลายฉากหลังได้มากกว่า ภาพสวยคมกว่า ถ้างบน้อย ถอยมือหมุนมาใช้ก่อนก็ได้

ส่งรูปผ่านไวไฟ
ถ้าถ่ายเป็นไฟล์ JPG จะส่งรูปเข้ามือถือได้ โดยใช้ไวไฟจากตัวกล้อง (ไม่ได้ใช้เน็ต) ..ซึ่งการเชื่อมต่อสำหรับใช้งานครั้งแรก ค่อนข้างลำบาก ถ้าผ่านไปได้ส่งรูปครั้งต่อไปจะสะดวกขึ้น
แต่ส่วนตัว ผมใช้ iPhone iPad และมีอะแดปเตอร์ SDcard อยู่แล้ว เลยใช้อันนี้แทน สะดวกรวดเร็วกว่า ..ถ่ายรูปเสร็จส่งต่อให้คนอื่น ใช้อันนี้เลยง่ายดี ไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้วุ่นวาย

RAW ยังใช้ไม่ได้
X-A3 ถ่ายรูปเป็นไฟล์ RAW ได้ แต่นับตั้งแต่วันที่ซื้อมาจนถึงวันนี้ ยังไม่สามารถนำไฟล์ไปเปิดบน Lightroom บนคอม และบนมือถือ ส่งไฟล์เข้า iPad ก็ยังมองไม่เห็นไฟล์
ก็เลยไม่ได้เห็นประสิทธิภาพของไฟล์ RAW แบบจริงจัง
จริงๆก็มีวิธีนำ RAW มาใช้อยู่ โดยใช้โปรแกรม RAW FILE CONVERTER EX 2.0 powered by SILKYPIX มีให้โหลดฟรีทั้ง Windows และ Mac
แต่รู้สึกไม่ชอบเมนูมันเลย แค่จะทำโทนเคิร์ฟยังยาก และไม่รู้ว่า RAW ของฟูจิรุ่นนี้จะใช้บน Lightroom ได้ตอนไหน
ถ่ายวิดีโอ
ผมไม่ใช่สายวิดีโอ แต่ก็พอรู้ว่า X-A3 มันเหมาะกับถ่ายภาพนิ่งมากกว่า เพราะไม่มีช่องเสียบไมค์
ปล. ตามสเปคคือถ่ายได้ 1080p แต่ผมอัพโหลดไว้ที่ 720p

สรุป
- เหมาะกับเอามาถ่ายรูปเล่น มันถ่ายง่ายเหมือนใช้มือถือ
- ดีไซน์สวยถูกใจมาก แต่ใช้ไปก็แอบมีความกังวลว่าหนังยางมันจะหลุดออก
- ไม่เหมาะกับคนชอบถ่ายพอร์ทเทรต และถ้าจะหัดถ่ายภาพแบบจริงจัง ไปซื้อ X-T10 ดีกว่า หรือจะรอ X-T20 (มาปีหน้า)
- เลนส์ที่แถมมา ถ่ายรูปสวยกว่าที่คิดไว้ ถ้าใช้เป็นได้ภาพดีกว่าใช้มือถือถ่ายแน่นอน ..แต่ถ้ามีงบควรซื้อเลนส์ฟิกมาใส่ จะได้ภาพดีกว่านี้มากมาย
- ยังไม่มีเวลาถ่ายภาพกลางคืนแบบจริงจัง แต่ผมยังมีกล้องอยู่ เดี๋ยวออกไปถ่ายแล้วเอามาให้ดูกันอีก
Comments